ทุนการศึกษาบุตร

1. ความจำเป็นของทุนการศึกษาบุตร

  • ค่าเล่าเรียนเพิ่มขึ้นทุกปี
    • ค่าเทอมมหาวิทยาลัยชั้นนำในไทยอาจสูงถึง 1-2 ล้านบาท สำหรับหลักสูตรนานาชาติหรือแพทย์
    • การศึกษาในต่างประเทศ (เช่น อเมริกา อังกฤษ) ใช้เงิน 3-5 ล้านบาท/หลักสูตร
  • ความไม่แน่นอนของชีวิต
    • หากผู้ปกครองเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยก่อนเก็บเงินครบ อาจกระทบอนาคตการศึกษาลูก
  • ลดภาระหนี้สินในอนาคต
    • การมีทุนสำรองช่วยป้องกันการกู้ยืมหรือขายทรัพย์สินฉุกเฉิน

? ผู้ปกครองควรเริ่มออมตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย

  • ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งจ่ายเบี้ยประกันน้อยลง และเงินมีเวลาเติบโต

2. แบบประกันชีวิตที่เหมาะสำหรับวางแผนการศึกษา

(1) ประกันแบบสะสมทรัพย์ (Endowment)

เหมาะสำหรับ:

  • ต้องการเงินก้อนเมื่อครบสัญญา (ตรงกับช่วงอายุลูกเข้าเรียน)
  • ต้องการความมั่นใจว่าหากเสียชีวิตก่อนครบสัญญา ลูกยังได้รับเงินการศึกษา

✅ ข้อดี:

  • ได้เงินแน่นอนเมื่อครบสัญญา
  • มีความคุ้มครองชีวิตระหว่างออม

❌ ข้อเสีย:

  • ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นหรือกองทุน

(2) ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Retirement/Education Hybrid)

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ปกครองที่อยากออมเพื่อการศึกษาลูก พร้อมเก็บเป็นเงินสำรองเกษียณ

✅ ข้อดี:

  • ยืดหยุ่นกว่าแบบสะสมทรัพย์ (บางแผนเลือกถอนเงินบางส่วนได้)

(3) ประกันชีวิตแบบ Unit Linked (UL)

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ปกครองที่ยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง เพื่อผลตอบแทนที่อาจสูงกว่า
  • สามารถเลือกกองทุนลงทุนได้เอง (เช่น กองทุนผสม หุ้นระยะยาว)

✅ ข้อดี:

  • มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าประกันแบบเดิม
  • ความคุ้มครองชีวิตยังคงอยู่

❌ ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงจากการลงทุน (อาจได้เงินไม่ตามเป้าหมายหากตลาดตก)

(4) ประกันชีวิตแบบ Term Insurance + การลงทุนแยกต่างหาก

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ปกครองที่ต้องการ ความคุ้มครองสูงสุด ในราคาประหยัด
  • มีวินัยในการลงทุนด้วยตัวเอง (เช่น ซื้อกองทุน SSF, กองทุนรวมทั่วไป)

ตัวอย่างแผน:

  • ซื้อ Term Life คุ้มครอง 2-5 ล้านบาท (ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน)
  • ออมเงินเพิ่มในกองทุนหุ้นระยะยาว

✅ ข้อดี:

  • ค่าเบี้ยถูกกว่าประกันแบบอื่น
  • ควบคุมการลงทุนได้เอง

❌ ข้อเสีย:

  • ต้องบริหารการลงทุนเอง

3. ตัวอย่างการคำนวณทุนการศึกษา

ระดับการศึกษา(ปัจจุบัน)(ในอีก 15 ปี*)
มหาวิทยาลัยในไทย (ธรรมดา)500,000 บาท800,000 – 1,200,000 บาท
มหาวิทยาลัยนานาชาติ1,500,000 บาท2,500,000 – 3,500,000 บาท
ต่างประเทศ (อเมริกา)3,000,000 บาท5,000,000 – 7,000,000 บาท

คำนวณจากอัตราเงินเฟ้อการศึกษาเฉลี่ย 5-7% ต่อปี


4. กลยุทธ์เลือกแผนประกันให้เหมาะกับผู้ปกครอง

  • หากมีงบจำกัด: เลือก Term Life + ออมในกองทุน SSF/กองทุนรวม
  • หากต้องการความมั่นใจสูงสุด: เลือก ประกันสะสมทรัพย์
  • หากยอมรับความเสี่ยงได้: เลือก Unit Linked

? เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • ซื้อประกันในชื่อผู้ปกครอง (ไม่ใช่ชื่อลูก) เพื่อป้องกันกรณีผู้ปกครองเสียชีวิต
  • เลือกแผนที่จ่ายเบี้ยสั้น (เช่น 10 ปี) แต่คุ้มครองจนลูกเรียนจบ

5. สรุป: แผนประกันแนะนำแบ่งตามช่วงอายุลูก

อายุลูกปัจจุบันแผนประกันแนะนำเหตุผล
0-5 ปีสะสมทรัพย์ 15-20 ปีเวลาในการออมนาน เงินเติบโตดี
6-12 ปีUnit Linked หรือ Term + กองทุนเร่งออมให้ทันเวลา
13 ปีขึ้นไปTerm Life + เก็บเงินเองเหลือเวลาน้อยเกินไปสำหรับประกันแบบออม

⚠️ ข้อควรระวัง: ตรวจสอบเงื่อนไขการเบิกเงินก้อนก่อนซื้อ (บางกรมธรรม์ต้องรอครบสัญญาเท่านั้น)


6. บทสรุป

การเตรียมทุนการศึกษาบุตรเป็น หนึ่งในภาระหน้าที่สำคัญของผู้ปกครอง เพราะค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปี และชีวิตมีความไม่แน่นอน

  • เริ่มออมเร็ว = จ่ายเบี้ยน้อยลง และเงินมีเวลาเติบโต
  • เลือกแผนประกันให้เหมาะกับความเสี่ยงและงบประมาณ
  • อย่าลืมความคุ้มครองชีวิต เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

หากต้องการคำแนะนำเฉพาะบุคคล สามารถปรึกษาตัวแทนประกันชีวิตเพื่อวิเคราะห์ความต้องการแบบเจาะลึก ?

“การศึกษาเป็นมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่มอบให้ลูกได้”

ค่าเทอมลูก

มีลูกสักคนจะส่งลูกให้เรียนถึงระดับไหน

เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่ต้องหาคำตอบเอง บางท่านก็อยากให้ได้ระดับด๊อกเตอร์ บางคนก็ว่าแค่ปริญญาโทก็กำลังดี แต่บางคนบอกอย่างน้อยๆขอแค่ระดับปริญญาตรีก่อนก็แล้วกัน เพราะสมัยนี้จะไปเข้าทำงานที่ไหนก็ต้องมีความรู้ระดับนี้เป็นพื้นฐานในการสมัครงาน หางานก็ยาก เงินเดือนก็ไม่ค่อยพอใช้ สรุปว่าอย่างน้อยก็ต้องให้เรียนจนจบ ป.ตรี แล้วใครจะไปต่อยอดหาเงินเรียนต่อ ป.โท หรือ ป.เอก ก็เป็นเรื่องของการใฝ่หาของแต่ละคน ไม่ว่าใครจะมีความคิดเห็นเป็นแบบไหนก็ตาม พ่อแม่ก็ต้องเตรียมหาเงินมาเตรียมไว้ให้ลูก หรือหาช่องทางที่จะส่งลูกไปให้ถึงฝั่งฝันข้างต้นให้ได้

  • …. พวกเรามาลองคิดกันนิดหนึ่งว่า ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการเรียนแต่ละปีนั้น มีค่าใช้จ่ายสารพัด ตั้งแต่ค่าเทอม ค่าหนังสือเรียน ค่าที่พัก อาหารการกิน ฯลฯ ถ้ามาคิดเป็นเงินค่าใช้จ่ายปัจจุบันปีละ 200,000 บาท (พอหรือไม่แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว)

ถ้าอัตราเงินเฟ้อทางการศึกษาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 5% กว่าลูกจะได้ใช้เงินตอนอายุ 18 ปี 19 ปี 20 ปี และ 21 ปีตามลำดับ เงินที่ต้องเตรียมมีไว้ในวันนั้นควรจะมีจำนวนเงินเท่าไร??ลองมาคิดดู

@ เงินค่าใช้จ่ายในวันนี้ 200,000 บาท อีก 17 ปี ถ้าอัตราเงินเฟ้อการศึกษา 5% จะต้องเตรียมเงิน 458,404 บาท
@ เงินค่าใช้จ่ายในวันนี้ 200,000 บาท อีก 18 ปี ถ้าอัตราเงินเฟ้อการศึกษา 5% จะต้องเตรียมเงิน481,324 บาท
@ เงินค่าใช้จ่ายในวันนี้ 200,000 บาท อีก 19 ปี ถ้าอัตราเงินเฟ้อการศึกษา 5% จะต้องเตรียมเงิน 505,390 บาท
@ เงินค่าใช้จ่ายในวันนี้ 200,000 บาท อีก 20ปี ถ้าอัตราเงินเฟ้อการศึกษา 5% จะต้องเตรียมเงิน 530,660 บาท
รวมเป็นเงินที่ต้องเตรียม 1,975,778 บาท

?คุณพ่อคุณแม่บางท่านไม่ซีเรียส เพราะมีไว้มากพอแล้ว แต่บางท่านอาจตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ เอาเป็นว่ามาเตรียมตัวกันเนิ่นๆก็ดีนะครับ


กว่าบุตรหลานของท่านจะเติบโต จนไปเรียนระดับปริญญาตรี ต้องผ่านการเรียนชั้นอนุบาล ประถม มัธยม ไปเรื่อยๆ มีค่าใช้จ่ายการเรียนสารพัด ทั้งการเรียนภาคปกติ เรียนพิเศษ ฯลฯ ตามกำลังของครอบครัว ที่มีความต้องการแตกต่างกัน ส่วนมากที่คุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วง ช่วงการเรียนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท สำหรับระดับปริญญาตรี ปัจจุบันนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆรวมค่าเทอม สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชน อยู่ที่ 240,000 บาท หรือปีละ 60,000 บาท