ตัวแทนประกันชีวิต FA

ตัวแทนประกันชีวิต หรือที่ปรึกษาการวางแผนการประกันชีวิต มีหน้าที่ ที่ลูกค้าควรทราบ

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจที่ถูกต้อง ลูกค้าควรรู้ว่าตัวแทนประกันชีวิตมีบทบาทอย่างไรในการให้บริการ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ด้านหลัก ดังนี้

ตัวแทนประกันชีวิต
ที่ปรึกษาการเงิน การประกันชีวิต

1. ตัวแทนประกันชีวิต ให้คำปรึกษาและวางแผนประกันชีวิต (Consultant)

✅ วิเคราะห์ความต้องการลูกค้า – สำรวจรายได้ หนี้สิน เป้าหมายชีวิต และความเสี่ยงที่ลูกค้าเผชิญ
✅ ออกแบบแผนประกันที่เหมาะสม – เลือกแบบประกันและความคุ้มครองให้สอดคล้องกับงบประมาณและวัตถุประสงค์
✅ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละแผนอย่างตรงไปตรงมา

ตัวอย่างประโยค:
“ผม/ดิฉันจะช่วยวิเคราะห์ว่าแผนประกันแบบไหนตอบโจทย์คุณที่สุด และอธิบายให้เข้าใจก่อนตัดสินใจค่ะ”


2. ให้บริการหลังการขาย (After-Sales Service)

✅ ช่วยดำเนินการเรื่องเอกสาร – ทั้งการสมัครใหม่ การเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ หรือการเคลม
✅ แจ้งเตือนการชำระเบี้ยประกัน – เพื่อป้องกันกรมธรรม์ขาดอายุ
✅ อัปเดตข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ – หากมีแผนประกันที่เหมาะกับลูกค้ามากขึ้น

ตัวอย่างประโยค:
“หลังจากทำประกันแล้ว คุณสามารถติดต่อผม/ดิฉันได้ตลอดหากมีคำถามหรือต้องการปรับเปลี่ยนแผนประกันค่ะ”


3. ช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์เคลม (Claims Assistance)

✅ ประสานงานกับบริษัทประกัน – เมื่อลูกค้าต้องยื่นเคลม เช่น กรณีเสียชีวิต เจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ
✅ อธิบายขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียม – เพื่อให้กระบวนการเคลมเป็นไปอย่างรวดเร็ว
✅ ติดตามผลจนกว่าลูกค้าจะได้รับเงิน

ตัวอย่างประโยค:
“หากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเคลม ผม/ดิฉันจะช่วยดูแลทุกขั้นตอนให้คุณไม่ต้องกังวลค่ะ”


4. เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินระยะยาว (Financial Advisor)

✅ ทบทวนแผนประกันเป็นระยะ – เมื่อลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงชีวิต เช่น แต่งงาน มีลูก เปลี่ยนงาน
✅ แนะนำแผนประกันเพิ่มเติม หากจำเป็น เช่น ประกันสุขภาพเสริมเมื่ออายุมากขึ้น
✅ ช่วยวางแผนภาษีและการออม – ใช้ประโยชน์จากประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษี

ตัวอย่างประโยค:
“ทุกปีผม/ดิฉันจะติดต่อคุณเพื่อทบทวนแผนประกันว่าเพียงพอหรือไม่ เพราะชีวิตคนเรามีการเปลี่ยนแปลงเสมอนะคะ”


สิ่งที่ตัวแทนประกันชีวิต “ไม่สามารถทำได้” (เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง)

❌ รับประกันผลการอนุมัติ – บริษัทประกันเป็นผู้พิจารณาอนุมัติกรมธรรม์
❌ ให้ข้อมูลที่คลุมเครือหรือไม่ตรงจริง – เช่น การันตีผลตอบแทนที่ไม่ได้ระบุในกรมธรรม์
❌ ตัดสินใจแทนลูกค้า – ตัวแทนเป็นเพียงผู้แนะนำ แต่ลูกค้าต้องตัดสินใจเอง


วิธีสื่อสารให้ลูกค้าเห็นคุณค่าของตัวแทน

เน้นการบริการแบบครบวงจร:
“ผม/ดิฉันไม่ได้แค่ขายประกัน แต่จะดูแลคุณตั้งแต่เริ่มจนถึงวันที่เคลม ถ้ามีปัญหาสามารถโทรมาปรึกษาได้ตลอด”

ย้ำเรื่องความต่อเนื่อง:
“แม้คุณจะซื้อประกันไปแล้ว ผม/ดิฉันยังคงติดตามและอัปเดตแผนประกันให้เหมาะกับชีวิตคุณเรื่อยๆ ค่ะ”


สรุป

การสื่อสารหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิตให้ลูกค้ารับทราบ จะช่วยสร้างความไว้วางใจและลดความกังวล โดยเฉพาะในเรื่องการบริการหลังการขายและการเคลม ซึ่งเป็นจุดต่างสำคัญระหว่างการซื้อประกันกับตัวแทนและซื้อแบบออนไลน์โดยไม่มีผู้ดูแล!

หากลูกค้าเข้าใจบทบาทของตัวแทนอย่างชัดเจน เขาจะรู้สึกมั่นใจและมองว่าคุณเป็น “ที่ปรึกษาด้านการประกันชีวิต” ไม่ใช่แค่พนักงานขาย ?

ณัฐกิตติ์ ศิริวัฒนพงศ์ Tel.092-5295444
นภัทร วชิรธัญธรณ์ Tel.097-9541504
ธีระชัย แสงวงศ์ Tel.098-5977899
ธิดารัตน์ กาญจนาพร Tel.082-5394246
วิราช พลราชม Tel.065-1921951
อาภาภรณ์ กุดนอก Tel.089-9419287
ตัวแทนประกันชีวิต MDRT คุณวุฒิตัวแทนระดับสากล

สร้างตัวแทนประกันชีวิตให้เติบโตสู่ระดับ MDRT ด้วยความเป็นมืออาชีพ

การเป็นตัวแทนประกันชีวิตระดับ MDRT (Million Dollar Round Table) ไม่เพียงวัดจากยอดขาย แต่ต้องมี “คุณภาพการบริการ” ที่โดดเด่น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและประโยชน์สูงสุดให้ลูกค้า โดยมีแนวทางดังนี้:


1. วางรากฐานความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)

(1) ความรู้ความเชี่ยวชาญ

  • ศึกษาหลักสูตรวิชาชีพ เช่น LOMA, CFP, หรือหลักสูตรของบริษัทประกันชีวิต
  • อัปเดตผลิตภัณฑ์และกฎหมายประกันภัย เป็นประจำ
  • เข้าใจความต้องการลูกค้าเชิงลึก โดยใช้เครื่องมือเช่น Financial Needs Analysis (FNA)

(2) จรรยาบรรณและความโปร่งใส

  • ไม่หลอกลวงหรือบิดเบือนข้อมูล เช่น การันตีผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน
  • เปิดเผยข้อจำกัดของแบบประกัน เช่น เงื่อนไขการเคลม
  • ยึดหลัก “ลูกค้ามาก่อน ยอดขายตามมา”

ตัวอย่างการสื่อสาร:
“ผม/ดิฉันจะอธิบายทั้งจุดแข็งและข้อจำกัดของแผนประกันนี้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจค่ะ”


2. พัฒนาทักษะสู่การเป็นที่ปรึกษาการเงิน (Financial Advisor)

(1) เน้นการวางแผนการเงินแบบองค์รวม

  • ไม่ขายแค่ประกัน แต่ช่วยลูกค้าวางแผน:
    • การออม (เช่น ประกันสะสมทรัพย์)
    • การคุ้มครองความเสี่ยง (ประกันชีวิต/สุขภาพ)
    • การลดหย่อนภาษี

(2) ใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์

  • แบบประเมินความเสี่ยง (Risk Profile) เพื่อเลือกแผนประกันที่เหมาะ
  • ตัวอย่างกรณีศึกษา เช่น การคำนวณเงินชดเชยหากเสียชีวิตก่อนวัย

ตัวอย่างประโยค:
“จากข้อมูลที่คุณให้มา แผนประกันนี้จะช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการเงินของคุณ 3 ด้าน คือ…”


3. เทคนิคสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว (Long-term Relationship)

(1) บริการหลังการขายระดับพรีเมียม

  • ติดตามผลทุก 6-12 เดือน เพื่อปรับแผนประกันให้สอดคล้องกับชีวิตลูกค้า
  • ส่งของขวัญหรือข้อความแสดงความห่วงใย ในวันสำคัญ

(2) เป็นผู้แก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ผู้ขาย

  • หากลูกค้าเจอปัญหาการเคลม ต้องช่วยเหลือเต็มที่
  • ให้คำแนะนำแม้ไม่เกี่ยวข้องกับประกัน เช่น แนะนำนักบัญชีหรือที่ปรึกษาการเงิน

ตัวอย่างการบริการ:
“ผม/ดิฉันมีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี หากคุณมีคำถามสามารถปรึกษาได้ฟรีค่ะ”


4. กลยุทธ์ทำยอดขายสู่ MDRT

(1) ตั้งเป้าหมายแบบ SMART

  • Specific: กำหนดจำนวนกรมธรรม์/ยอดเบี้ยประกันต่อปี
  • Measurable: ติดตามผลรายเดือน
  • Achievable: แตกเป้าหมายเป็นลูกค้ากลุ่มเล็กๆ เช่น กลุ่มพ่อแม่ลูกอ่อน
  • Relevant: เลือกกลุ่มลูกค้าที่มี Pain Point ชัดเจน
  • Time-bound: กำหนดไทม์ไลน์

(2) ขยายเครือข่ายด้วยระบบ Referral

  • สร้างความประทับใจให้ลูกค้าเดิม เพื่อให้พวกเขาแนะนำต่อ
  • ให้ Incentive แก่ลูกค้าที่แนะนำ เช่น ของสมนาคุณเล็กๆ

(3) ใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง

  • สร้างคอนเทนต์ให้ความรู้ ใน Facebook, Line OA
  • รีวิวความสำเร็จการเคลม (โดยไม่เปิดเผยข้อมูลลูกค้า)

5. ตัวอย่างแนวทางการทำงานสู่ MDRT

Case Study: ตัวแทน MDRT ทั่วไปทำอย่างไร?

แนวทางรายละเอียด
Focus ที่คุณภาพมากกว่าปริมาณเลือกทำธุรกิจกับลูกค้า 50-100 ราย/ปี ที่มีโอกาสซื้อแบบคุ้มครองสูง แทนขายแบบกระจาย
สร้างระบบทำงานซ้ำได้มีสคริปต์อธิบายผลิตภัณฑ์ ชุดเอกสารมาตรฐาน และทีมสนับสนุน
พัฒนาตัวเองต่อเนื่องลงทุนเรียนหลักสูตรด้านการเงินและจิตวิทยาการขาย

6. สรุป: คุณสมบัติตัวแทน MDRT vs ตัวแทนทั่วไป

ตัวแทน MDRTตัวแทนทั่วไป
เป็นที่ปรึกษาการเงิน (Financial Advisor)เป็นแค่พนักงานขาย (Sales Agent)
เน้นความสัมพันธ์ระยะยาวเน้นขายแล้วจบ
มีระบบทำงานชัดเจนทำงานแบบตามโอกาส
อัปเดตความรู้สม่ำเสมอใช้ความรู้เดิมๆ

คำแนะนำสุดท้าย

การเป็น MDRT ไม่ได้ยาก หากมุ่งเน้น “การแก้ปัญหาให้ลูกค้า” มากกว่าการขายของ
ลองเริ่มต้นจาก:

  1. เลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัด (เช่น วัยทำงาน 30-45 ปี)
  2. สร้างระบบบริการหลังการขาย ให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีคนคอยดูแล
  3. พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งความรู้ประกันและทักษะการสื่อสาร

“ความสำเร็จของตัวแทนประกันชีวิต วัดจากจำนวนชีวิตที่คุณช่วยปกป้อง ไม่ใช่แค่ยอดขาย”

หากทำได้ตามนี้ คุณจะก้าวสู่การเป็น ตัวแทนระดับ MDRT ที่ลูกค้าเชื่อมั่นและเคารพ

สมัครตัวแทน เป็นที่ปรึกษาการเงิน ขายประกันชีวิต

FA Prime แผนรับรองรายได้ สำหรับตัวแทนที่มี ใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุน IC License

  • AIA FA Prime เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น เพื่อรองรับคนทำงานที่มีประสบการณ์ มีเป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพที่ปรึกษาด้านการประกันชีวิต และการเงิน โดยมีคุณวุฒิเป็นที่ยอมรับในระดับสากล “MDRT”
  • รับอายุไม่เกิน 50 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป
  • มีใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุน IC License
  • มีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่า 2 ปี
  • แผนรับรองรายได้ 30,000 – 150,000 บาท

FA Standard แผนรับรองรายได้ สำหรับตัวแทนที่มีประสบการณ์ทำงานมา 2 ปี

  • แผนรับรองรายได้ ต่างจังหวัด 10,000 บาท กรุงเทพฯ 15,000-20,000 บาท
  • มีโบนัสการคงอยู่
  • โบนัสความสำเร็จ
  • โบนัสการเลื่อนตำแหน่ง
  • โบนัส MDRT


งานที่ช่วยเหลือทุกๆคน ช่วยพวกเขาได้มีการวางแผนทางการเงิน ช่วยป้องกันเวลามีเหตุฉุกเฉิน คุณอาจไม่ชอบในตอนเริ่มต้น แต่คุณมีสิทธิ์ที่จะรู้รายละเอียดของงาน เผื่อการตัดสินใจ เป็นอีกทางเลือกที่คุณ “ต้องใช้เวลาเรียนรู้”