ประกันชีวิต

ประกันชีวิต มีแนวคิดหลายด้านที่ควรพิจารณา เช่น

  1. ประกันชีวิตทั่วไป (Term Life Insurance): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองแบบชั่วคราวในช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น ช่วงที่มีภาระหนี้สิน หรือมีเด็กเล็กอยู่ในครอบครัว ค่าเบี้ยประกันมักจะถูกกว่า หากซื้อในระยะเวลาที่สุขภาพดี
  2. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Whole Life / Endowment Insurance): เหมาะสำหรับการวางแผนการเงินระยะยาว เนื่องจากมีการสะสมเงินค่าชดเชย ที่สามารถนำออกได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีความคุ้มครองในระยะยาว
  3. ประกันชีวิตแบบยูนิตลิงค์ (Unit Linked Insurance): เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนควบคู่กับการประกันชีวิต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเลือกลงทุนในกองทุนต่าง ๆ
  4. การพิจารณาความต้องการเฉพาะ: หากครอบครัวของคุณมีความต้องการเฉพาะ เช่น การรักษาพยาบาลเพิ่มเติมหรือการศึกษาของเด็ก คุณอาจต้องเลือกแผนที่มีความคุ้มครองในด้านเหล่านั้น
  5. การประเมินงบประมาณ: สำรวจงบประมาณที่สามารถชำระค่าเบี้ยประกันได้ การเลือกแผนที่ไม่ก่อให้เกิดความเครียดทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ
  6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: การพูดคุยกับตัวแทนประกันชีวิตหรือที่ปรึกษาทางการเงินจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เหมาะสมตามความต้องการและสถานการณ์เฉพาะของครอบครัว

การเลือกแบบประกันชีวิตควรพิจารณาร่วมกันกับครอบครัวเพื่อให้มั่นใจว่าแผนที่เลือกนั้นดีที่สุดสำหรับทุกคนในครอบครัวค่ะ

สำหรับคนที่มีรายได้ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน การทำประกันควรเน้นความคุ้มครองพื้นฐานที่จำเป็นและมีค่าเบี้ยประกันที่ไม่สูงเกินไป เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นี่คือแนวคิดในการเลือกประกันที่เหมาะสม:

1. ประกันสุขภาพ

  • ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย (IPD/OPD): เลือกแผนที่คุ้มครองการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลชั้นนำหรือรัฐบาล เบี้ยประกันประมาณ 5,000 – 10,000 บาท/ปี
  • ประกันโรคร้ายแรง (Critical Illness): คุ้มครองโรคมะเร็ง หัวใจ ฯลฯ เบี้ยเริ่มต้นประมาณ 3,000 – 5,000 บาท/ปี
  • ประกันอุบัติเหตุ: คุ้มครองการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ เบี้ยประมาณ 1,000 – 2,000 บาท/ปี

2. ประกันชีวิต

  • ประกันชีวิตแบบระยะสั้น (Term Life): คุ้มครองการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ เบี้ยประกันเริ่มต้นประมาณ 3,000 – 6,000 บาท/ปี สำหรับความคุ้มครอง 500,000 – 1,000,000 บาท
  • ประกันสะสมทรัพย์ (Endowment): หากต้องการทั้งการออมและการคุ้มครอง แต่ต้องจ่ายเบี้ยสูงกว่า (ประมาณ 10,000 – 15,000 บาท/ปี)
  • พ.ร.บ.รถยนต์ (ภาคบังคับ): คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก เบี้ยประมาณ 600 – 1,000 บาท/ปี
  • ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 2+ หรือ 3+): คุ้มครองความเสียหายต่อรถตัวเองและบุคคลภายนอก เบี้ยประมาณ 5,000 – 10,000 บาท/ปี

4. แนวทางการเลือกประกัน

  • จัดลำดับความสำคัญ: เลือกประกันสุขภาพและอุบัติเหตุก่อน เพราะเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นบ่อย
  • เปรียบเทียบหลายบริษัท: ใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบประกันหรือติดตัวแทนประกันหลายเจ้าเพื่อหาความคุ้มครองที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสม
  • เลือกความคุ้มครองที่จำเป็น: ไม่จำเป็นต้องซื้อความคุ้มครองสูงเกินไป แต่ควรมีพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน
  • ตรวจสอบสิทธิ์ประกันสังคม: หากเป็นพนักงานบริษัท อาจมีสิทธิ์ประกันสังคมที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้

5. การจัดการค่าเบี้ยประกัน

  • แบ่งจ่ายรายเดือน: บางบริษัทอนุญาตให้ผ่อนชำระค่าเบี้ยรายเดือนได้ (การชำระเบี้ยรายปี ทำให้เบี้ยประกันจ่ายน้อยกว่า การจ่ายรายเดือน)
  • ลดค่าเบี้ยประกันด้วยการ ดูแลการรักษาพยาบาลตามความจำเป็น กรณีค่ารักษาพยาบาลจากกฎเกณฑ์ Co Payment

เคยมีใครมาชวนเราคุยกันเล่นๆ บ้างหรือไหมว่า ค่าตัวของตัวเรามีค่า เป็นเงินเท่าไร? คงหาคำตอบยาก 

แต่ถ้าเราคุยกับนักวางแผนทางการเงิน

เขาจะคำนวณค่าความสามารถให้เราได้ง่ายๆ

พวกเราลองมาดูวิธีการ “แบบธรรมดาๆ” ก่อนก็ได้นะ

ตัวอย่าง ชายอายุ 35 ปี มีรายได้เดือนละ 50,000 บาท หนึ่งปีเขาสร้างรายได้เป็นเงิน 600,000 บาท แปลว่าถ้าเขาอยู่ 10 ปีก็จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 6,000,000 บาทเป็นอย่างต่ำ ถ้าเงินเดือนของเขาถูกปรับขึ้นทุกๆปี ปีละไม่น้อยกว่า 5% แน่นอนว่า เงินรายได้ของเขาต้องมากกว่า 6 ล้านแน่ๆ

เมื่อถึงตอนนี้ เราจะคิดแบบตอนแรก ที่เป็นแบบธรรมดา เรามาดูกันต่อว่า ถ้าผู้ชายคนนี้มีรายได้ 10 ปี เท่ากับ 6 ล้าน หากเขาทำงานถึงอายุ 60 ปี หรืออีก 25 ปีข้างหน้า มาใช้เครื่องคิดเลขคำนวนดู จะเกิดผลลัพธ์ 600,000 x 25 = 15,000,000 บาท
เงิน 15,000,000 บาท เป็นของใครครับ? คำตอบ เงินก้อนนี้ เป็นของครอบครัวเขา เงินจำนวนนี้ เป็นเงินรายรับ ที่นำมาเป็นรายจ่ายให้กับครอบครัว เพื่อใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็น
แล้วถ้าเงินจำนวนนี้หายไป เพราะ…. 
เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นเจ็บป่วยกระทันหัน ด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่เราไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน หรือ เกิดอุบัติเหตุที่ไม่รู้ว่า ใครประมาทเลินเล่อ จากการขับขี่รถยนต์ หรือจากเหตุการณ์ร้ายๆที่มีให้เราได้เห็นในแต่ละวัน สารพัดเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
ใคร ??? จะรับผิดชอบรายจ่ายของครอบครัวนี้ใคร…จะส่งมอบรายรับที่ชายคนนี้ เคยได้รับมาเดือนละ 50,000 บาท หรือปีละ 600,000 บาท

แล้วหากอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ เพิ่มขึ้นปีละ 5% รายได้ของชายคนนี้ จะมีมูลค่าเท่าไหร่ ? มาลองคำนวณดู Set : EndN = 25i = 5%PV = 0PMT -600,000 FV = ? ผลลัพธ์ที่ได้ เท่ากับ 28,636,259 บาท

ขอเชิญพี่น้องคนไทย ที่จบปริญญาตรี ตั้งใจมาช่วยสร้างหลักประกันให้พี่น้องคนไทยมีประกันขั้นพื้นฐานกันทุกครอบครัว เชิญครับ